กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge
Management Process)
กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge
Management Process)
1.การบ่งชี้ความรู้ : จะไปสอบถามและแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้าหน้าที่พุทธมามกะและชาวบ้านบริเวณเขตพื้นที่บริการชุมชนสามัคคี
ดังต่อไปนี้
1.1 กว่าจะมาเป็นศาลาแก้วกู่มีประวัติเป็นมาอย่างไร
1.2 ศาลาแก้วกู่เป็นโบราณวัตถุที่สามารถสื่อความหมายหรือผสมผสานหลักคำสอนของศาสนาใด
1.3 เทวรูปและเทวลัยเป็นสถาปัตยกรรมและประติมากรรม
ที่รวบรวมศิลปกรรมรูปแบบใดบ้าง
1.4 ศาลาแก้วกู่เป็นศิลปกรรมที่เก็บรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์
เช่น ใบลาน หนังสือ คัมภีร์ จิตรกรรมฝาผนัง และภาพเขียน
2.การสร้างและการแสวงหาความรู้ : ศึกษาความรู้ใหม่เกี่ยวกับโบราณวัตถุ
เทวรูปและเทวลัย สถาปัตยกรรมและประติมากรรม หลักฐานทางประวัติศาสตร์
3.การจัดความรู้ให้เป็นระบบ : นำความรู้ที่จากการแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่พุทธมามกะและชาวบ้านเขตพื้นที่บริการ
มารวบร่วมจัดโครงสร้างหมวดหมู่ข้อมูลให้เป็นระบบเพื่อจะนำความรู้ที่ได้มาเผยแพร่ให้แก่กลุ่มบุคคลและผู้ที่สนใจศึกษา
4.การประมวลกลั่นกรองความรู้ : หลังจากได้กลั่นกรองความรู้แล้ว
ทางผู้จัดทำก็จะจัดทำเป็นเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ศาสนา ศาสนสถาน สถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์
5.การเข้าถึงความรู้ : จัดทำสื่อต่างๆ
เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาความรู้เกี่ยวกับศาลาแก้วกู่
เช่นจัดทำเป็นเว็บไซต์ , สื่อ VDO ,สร้างเพจ facebook , google+ เป็นต้น
6.การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ : การนำความรู้เกี่ยวกับศาลาแก้วกู่ในเรื่องใหม่ๆ
สู่การแลกเปลี่ยนความรู้แก่ผู้ที่สนใจต้องการศึกษาเพิ่มเติม อย่างเช่น
การจัดอบรมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจในเรื่องศาสนา เป็นต้น
7.การเรียนรู้ : นำความรู้มาปรับใช้และพัฒนาให้เกิดความรู้ใหม่ๆ
อยู่เสมอ เช่น วิธีการทำนุบำรุงศาสนสถานที่สำคัญ
การรักษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์
และวิธีการดูแลเทวรูปเทวลัยรวมถึงประติมากรรมต่างๆ